ค่าแรงขั้นต่ำ นานาประเทศทั้งโลกล้วนมีข้อบังคับระบุค่าแรงขั้นต่ำโดยรัฐ แต่มีหลายประเทศ ที่แรงงานรวมทั้งเจ้านาย หากติกาเรื่องค่าตอบแทนได้อย่างลงตัว ด้วยค่าแรงสูงอันดับที่หนึ่งในโลก รวมทั้งผลประโยชน์ครบถ้วน จนเรียกว่าตอบโจทย์ธุรกิจ รวมทั้งความสำราญของมนุษย์ แบบ “ผลประโยชน์ต่างตอบแทน”
ไอดา อูเคน ผู้แทนราษฎรพรรคสังคมประชาธิปไตยของเดนมาร์ก รวมทั้งนักเขียนหนังสือ “Dansk” ที่เดี่ยวกับอัตลักษณ์รวมทั้งค่าความเป็นเดนมาร์ก กำหนดในบทความของหนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ เมื่อปี 2021 ว่า ค่าแรงเฉลี่ยของแรงงานในร้านค้าแมคโดนัลด์ในเดนมาร์กอยู่ที่ 22 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 700 บาทต่อชั่วโมง รวมทั้งทุกคนได้วันลาพักร้อนปีละ 6 สัปดาห์
อูเคน ชี้แจงว่า ประเทศเดนมาร์กไร้คุณค่าแรงขั้นต่ำ แต่ใช้ระบบตลาดแรงงานแบบเดนมาร์ก ที่เรียกว่า “เฟล็กเคียวริตี” เพราะคือระบบที่อีกทั้งยืดหยุ่น รวมทั้งมั่นคง สำหรับตัวแรงงานรวมทั้งเจ้านายเอง
ระบบแรงงานของเดนมาร์ก เป็นระบบแบบกระจายอำนาจแบบหนึ่ง ที่การกำหนดค่าแรงนั้น จะขึ้นอยู่กับการปรึกษาหารือและขอคำแนะนำรวมทั้งบรรลุกติกา ระหว่างสหภาพแรงงานรวมทั้งบริษัทผู้ว่าจ้างเอง
เธอย้ำว่า สหภาพแรงงานของเดนมาร์กอดทนมากมาย เพราะอีกทั้งเจ้านายรวมทั้งผู้รับจ้าง “ต่างก็ได้คุณประโยชน์ต่างตอบแทน”
แล้วหากกติกาแรงงานถูกละเมิด คนงานก็มีสิทธิต่อต้าน ในทางตรงกันข้าม เจ้านายก็มีสิทธิไม่ให้ผู้รับจ้างเข้าทำงานได้ด้วยเหมือนกัน ส่วนรัฐนั้น จะเข้าแทรกแซงก็ต่อเมื่อการพูดจาระหว่างเจ้านายรวมทั้งผู้รับจ้าง ไม่ลงตัว ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
แรงงานชาวเดนมาร์กได้ประโยชน์จาก “เฟล็กเคียวริตี” เพราะจะได้ความคุ้มครองด้านสังคม รวมถึงประกันสุขภาพถ้วนหน้า วันลาพักร้อนยาวนานหลายสัปดาห์ต่อปี สิทธิลาคลอด รวมทั้งแผนบำเหน็จบำนาญในวัยเกษียณ ที่สำคัญ ค่าแรงก็นับว่าอยู่ในระดับสูง
อูเคน ชี้แจงต่อว่า แล้วหากแรงงานชำระเงินเข้ากองทุนประกันการตกงาน พวกเขาจะได้รับคุณประโยชน์นานสูงสุด 2 ปี หากตกงาน โดยเมื่อตกงานแล้ว รัฐบาลจะเข้ามาให้การดูแล เป็นต้นว่า จัดแจงฝึกอบรมความชำนาญ รวมทั้งให้คำแนะนำเพื่อให้แรงงานกลับเข้าตลาดแรงงานให้เร็วที่สุด
ส่วนเจ้านายนั้น สามารถปลดพนักงานออกได้ง่าย เพราะค่าสินไหมทดแทนการเลิกจ้าง รวมทั้งการบอกเลิกว่าจ้างล่วงหน้านั้น ไม่ได้ครัดเคร่งนัก ซึ่งเมื่อพนักงานถูกเลิกว่าจ้าง รัฐบาลก็จะเข้ามาให้การช่วยเหลือต่อไป ส่วนทางบริษัทก็จ้างงานใหม่ได้อย่างเร็ว เพื่อให้ตอบโจทย์ทางธุรกิจในช่วงเวลานั้น
แล้วจะกำหนดค่าแรงอย่างไร หากรัฐไม่ประกัน ค่าแรงขั้นต่ำ
ข้อมูลของ Minimum-Wage.org ระบุว่า ในเมื่อเดนมาร์กไม่มีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ การกำหนดค่าแรงจึงเป็นข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง หรือที่เรียกว่า Collective Bargaining หรือ การร่วมเจรจาต่อรอง ซึ่งใช้ในสวีเดนด้วย โดยมีวิธีการดังนี้
- ผู้แทนของฝ่ายนายจ้างและแรงงาน (อาจเป็นสหภาพ) ร่วมหารือกัน
- ทั้งสองฝ่ายร่วมกันกำหนดว่า ค่าแรง สวัสดิการ และสภาพแวดล้อมการทำงาน ของลูกจ้างควรเป็นอย่างไร
- ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง มีหลายระดับ คือ ระดับประเทศ ระดับอุตสาหกรรม และระดับท้องถิ่น โดยแรงงานในภาคส่วนต่าง ๆ จะมีฐานค่าแรงที่แตกต่างกัน แต่ร่วมกันกำหนดโดยสหภาพแรงงานที่หลากหลาย
อูเคน ยกตัวอย่างว่า พนักงานร้านค้าแมคโดนัลด์ในเดนมาร์ก จะได้ค่าแรงชั่วโมงละ 700 บาทต่อชั่วโมง หรือคิดเป็น 2 เท่าของพนักงานแมคโดนัลด์ในสหราชอาณาจักร ถึงแม้ราคาของแฮมเบอร์เกอร์เกือบจะเสมอกันในสองประเทศนี้ก็ตาม
ดังนั้น หากเทียบกับไทยแล้ว พนักงานร้านค้าแมคโดนัลด์ไทยได้ค่าแรงราว 55-62 บาทต่อชั่วโมง ดำเนินงานหนึ่งวัน 8 ชั่วโมง จะซื้อบิ๊กแมคได้ 3 ชิ้น แต่หากเป็นพนักงานร้านค้าแมคฯ ในเดนมาร์ก จะได้ค่าแรง 700 บาทต่อชั่วโมง ดำเนินงานหนึ่งวันสามารถซื้อบิ๊กแมคได้ 35 ชิ้น (บิ๊กแมคในเดนมาร์ก ขาย 157 บาทต่อชิ้น ไทยขาย 139 บาท)
ส่วนค่าถัวเฉลี่ย (ไม่ใช่ค่าแรงขั้นต่ำ) ของค่าแรงที่ชาวเดนมาร์กจะได้ต่อหัวประชากร อยู่ที่ 110 โครนาร์ หรือ 540 บาทต่อชั่วโมง รวมทั้งเฉลี่ยต่อปี ชาวเดนมาร์กมีรายได้กว่า 1.5 ล้านบาท อ้างอิงจากเว็บไซต์ Minimum-Wage.org
ประเทศไหนบ้างที่ไม่มีค่าแรงขั้นต่ำ
เว็บไซต์ โนแมด แคปิตอลลิสต์ ระบุว่า ประเทศต่าง ๆ 90% ทั่วโลก ล้วนมีกฎหมายกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง แต่บางประเทศใน 10% ที่เหลือ กลับพบวิธีที่ดีว่าการที่รัฐต้องมารับประกันค่าแรง
ข้อมูลจาก อิสเวสโตพีเดีย และ โนแมด แคปิตอลลิสต์ ระบุว่า ประเทศพัฒนาแล้วที่ไม่มีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำโดยรัฐบาล มีอยู่ 6 ประเทศด้วยกัน คือ สวีเดน เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ โดยแต่ละประเทศ กำหนดค่าแรงให้แรงงาน ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ดังนี้
- สวีเดน – เป็นประเทศต้นแบบในการยกเลิกการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ หันมาใช้ “โมเดลนอร์ดิก” (Nordic Model) ที่กำหนดค่าแรงให้พนักงานผ่าน “การร่วมเจรจาต่อรอง” โดยสวีเดน มีสหภาพแรงงานกว่า 110 แห่ง ที่จะไปเจรจาต่อรองกับผู้แทนองค์กร ถึงค่าแรงที่สมาชิกในสหภาพควรจะได้ต่อชั่วโมง รวมถึงค่าล่วงเวลาด้วย บนพื้นฐานทางกฎหมายว่า พนักงงานต้องทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีวันลาพักร้อน 25 วัน และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 13 วันต่อปี
- เดนมาร์ก – ลักษณะเดียวกับสวีเดน และตามที่กล่าวไว้ข้างต้นในบทความ
- ไอซ์แลนด์ – เมื่อมีสถานะเป็นพนักงาน ทุกคนจะถูกบรรจุเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานในทันที โดยสหภาพแรงงานเหล่านี้ จะเจรจาตกลงค่าแรงที่พนักงานควรได้กับผู้แทนองค์กรเอง
- นอร์เวย์ – ใช้หลักการเจรจาต่อรองร่วมเหมือนเดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ ด้วยค่าแรงที่อยู่ในระดับสูง ยกตัวอย่าง แรงงานทักษะต่ำ อาทิ ภาคการเกษตร ก่อสร้าง และทำความสะอาด จะมีรายได้ขั้นต่ำ 556-730 บาทต่อชั่วโมง
- สวิตเซอร์แลนด์ – ให้มีผู้มีสิทธิลงคะแนนเป็นผู้ลงคะแนนกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ โดยเมื่อปี 2020 ประชามติกำหนดค่าแรงขั้นต่ำที่ 855 บาทต่อชั่วโมง ในทุกอุตสาหกรรม
- สิงคโปร์ – มีตลาดแรงงานที่ปราศจากการแทรกแซงโดยรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง โดยผู้แทนแรงงานและนายจ้าง กำหนดค่าตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ อ้างอิงตามประสบการณ์ ทักษะ การศึกษา และความสามารถ
การเลื่อนชั้นทางสังคม
อูเคน ระบุว่า ในเดนมาร์กนั้น แทบไม่มีพนักงานประจำคนใดที่มีฐานะยากจนเลย และแม้จะเป็นแรงงานทักษะต่ำ หรือผู้ใช้แรงงาน ก็แทบไม่ต้องทำงานหลายเพื่อให้มีรายได้พอสำหรับการดำรงชีพ และเลี้ยงครอบครัวเลย
“เราเป็นประเทศร่ำรวย ที่มีอัตราจ้างงานสูง… แม้ในช่วงโควิด ประชากรวัยทำงาน 74% ต่างมีงานทำ” อูเคน อ้างอิงข้อมูลจากองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ โออีซีดี พร้อมเสริมว่า เดนมาร์กฟื้นเศรษฐกิจจากโควิดได้เร็วขึ้น ก็เพราะ “ระบบเฟล็กเคียวริตี” ด้วย จากการลดขนาดธุรกิจและขยายขนาดธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
ศูนย์วิจัยความสัมพันธ์เกี่ยวกับการจ้างแรงงาน มหาวิทยาลัยแห่งโคเปนเฮเกน ระบุว่า ชาวเดนมาร์กโดยมาก ล้วนยินดีกับระบบแรงงานอย่างนี้ ไม่เพียงเพราะตอบโจทย์ทางธุรกิจ แต่เพราะเป็นการสร้างสังคมที่เห็นศักดิ์ศรีของพลเมืองทุกคน
ไม่เพียงเพียงแค่นั้น ระบบ “เฟล็กเคียวริตี” ยังมีผลให้การเลื่อนชั้นด้านสังคมเป็นไปได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลื่อนชั้นจากชนชั้นแรงงานมาเป็นชนชั้นกลาง ประชาชนตั้งแต่วัยเด็ก เติบโตในสังคมที่มีความหลากหลายทางชนชั้นแบบไม่แบ่งแยก
“ลูกหลานของเราเติบโตพร้อมรู้จักเด็ก ๆ ในสถานการณ์เศรษฐกิจ การศึกษา และพื้นเพที่แตกต่างกัน ทำให้ความแตกแยกทางการเมืองแบบแบ่งขั้น มีไม่มาก เหมือนที่เห็นในชาติประชาธิปไตยอื่น ๆ” อูเคน กล่าวกับวอชิงตันโพสต์
ขอขอบคุณบทความจากสำนักข่าว BBC